วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2552

เทคนิคการทำรีทัชภาพซอฟท์ด้วย photoshop

เราจะมาปรับภาพให้ขาวและก็ Soft สวยกว่าตัวจริงกันนะครับ เรามีวิธีปรับภาพใน Photoshop ให้ขาวนวล Soft ง่าย ๆ แค่คลิกสองคลิกตามสไตส์มือใหม่ แต่ได้ผลแบบถ่ายในสตูครับ
ไม่ยากเลยขั้นตอนง่ายๆ เรามาดูวิธีกัน
ขั้นตอนที่1 เปิดไฟล์ภาพที่ต้องการขึ้นมา

Copy Layer Background ขึ้นมาอีก 1 Layer โดยไปที่ Layer>Duplicate Layer จะได้ Background Copy ดังภาพ

ขั้นตอนที่ 2 ทำงานที่ Layer Background copy โดยเปลี่ยนโหมดภาพจาก Normal เป็น Screen ดังรูปขั้นตอนที่ 3 ยังคงทำงานที่ Layer Background copy อยู่ ไปที่ Filter>Blur>Gaussian Blur ปรับความเบลอตามที่ต้องการ แล้วคลิก ok. ผมเลือกประมาณ 4.0 ครับ
* หากภาพสว่างหรือมืดเกินไปเราสามารถลด Opacity เพื่อให้ได้ภาพที่พอดี หรือปรับ Levels ของภาพเพิ่มได้ตามที่ต้องการ *

ขั้นตอนสุดท้าย รวม Layer ภาพเข้าด้วยกัน ไปที่ Layer>Flatten Image แล้วก็ Save เป็นอันจบงาน

เปรียบเทียบ ภาพต้นฉบับ-ภาพที่ปรับแต่งเรียบร้อย


เห็นมั้ยล่ะครับว่าง่ายนิดเดียวเอง ภาพถ่ายของเราก็สวยขึ้นได้แบบผิดหูผิดตาไปเลย เอาล่ะได้เวลาทดลองเล่นกันดูแล้วนะคะ ใครมีภาพถ่ายอะไรสวยๆเอามาอวดกันดูนะครับ...

credit : http://www.gururu.ioakhost.com/ , HoDe


วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2552

สร้างลายน้ำให้ตัวอักษรด้วย Photoshop

การสร้างตัวอักษรลายน้ำด้วยโปรแกรม Photoshop สามารถทำได้โดยพึ่งฟิลเตอร์แบบต่างๆ ที่มีใน Photoshop อยู่แล้ว ดังวิธีการต่อไปนี้

1. เปิดภาพที่ต้องการทำงานขึ้นมาใน Photoshop 2. คลิกเครื่องมือ (Horizontal Type Tool)
3. พิมพ์ข้อความที่ต้องการลงไป 4. คลิกขวาในเลเยอร์ข้อความเลือกคำสั่ง Rasterize Type เพื่อเปลี่ยนอักษรให้เป็นภาพธรรมดา

5. ที่เลเยอร์ข้อความให้ล็อคเลเยอร์ โดยคลิกปุ่ม (Lock Tranparen pixels)
6. คลิกคำสั่ง Filter > Stylize > Emboss
7. ในหน้าต่างสำหรับกำหนดค่าฟิลเตอร์ ให้กำหนดค่า Angle = 135, Height = 3 และ Amount = 100 8. หลังจากกำหนดค่าแล้วเราจะได้ผลลัพธ์ ดังภาพตัวอย่าง 9. คลิกคำสั่ง Fiter > Blur > Gaussuan Blur
10. กำหนดค่า Radius = 3
11. ได้ผลลัพธ์ดังภาพตัวอย่าง 12. ที่ช่อง Layer blending mode ให้เปลี่ยนโหมดเป็น Hard Light หรือเหลือโหมดอื่นๆตามใจชอบ 13. เราจะได้ผลลัพธ์ดังภาพ14.ปรับค่า Opacity ให้เหลือสักประมาณ 20-50% แล้วแต่ความเหมาะสมกับภาพ
15.จากนั้นก็จะได้ภาพตัวอักษรลายน้ำแบบง่ายๆ และรวดเร็วแล้ว

วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2552

I"s - アイズ

บทความนี้ลงพิมพ์ใน J-Spy ฉบับเดือนมีนาคม พ.ศ. 2552 ครับ

“ชายหนุ่มที่กำลังมีความรักทั้งหลายครับ คุณจะบอกรักกับเธอยังไง ช่วยสอนผมที”
เพราะหากคุณเคยหรือกำลังมีความรัก คำที่พูดยากที่สุดในชีวิตคำหนึ่งก็คือ ‘การบอกรักกับใครสักคน’

ย้อนกลับไปเมื่อสิบปีที่แล้ว สมัยที่ผมยังเป็นเด็กนักเรียนมัธยม วัยที่กำลังมีความรักครั้งแรก การบอกรักกับใครสักคนนั้น ยังคงเป็นสิ่งที่เกินเอื้อมมือจะไขว่คว้าที่ได้แต่จินตนาการถึง อ.มาซาคาสึ คัตสึระ ได้เริ่มต้นเขียนมังงะที่เป็น Romantic-Comedy บอกเล่าเรื่องราวเดียวกันที่ชื่อว่า I”s (ไอส์) อันเป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มปากไม่ตรงกับใจและไอดอล (Idol) คนนั้นที่เขาหลงรัก และด้วยเนื้อเรื่องเรียบง่ายและลายเส้นอันละเอียดอ่อนประณีต ปราศจากกลิ่นไอของแฟนตาซีจากผลงานเรื่องอื่นๆ อย่าง DNA และ Video Girl AI นี้เอง ที่ทำให้เรื่องนี้ยังคงติดอยู่ในความทรงจำของหลายๆ คน และยกให้ I”s เป็นหนึ่งในมังงะที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งเท่าที่เคยเขียนมา
I”s บอกเล่าเรื่องราวของตัวละครที่มีชื่อนำหน้าด้วยตัว ‘I’ ทั้ง 4 คน เซโตะ อิจิตากะ (Seto Ichitaka) เด็กหนุ่มมัธยมปลายธรรมดา ท่าทางเหงาๆ และปากไม่ตรงกับใจ ผู้ที่แอบหลงรักเพื่อนร่วมห้องอย่าง โยชิซึกิ อิโอริ (Yoshizuki Iori) มานานนับปี แม้ว่าทั้งสองจะอยู่ห้องเดียวกัน แต่กำแพงที่ก่อตัวสูงขึ้นภายในจิตใจ ทำให้ระยะห่างของคนทั้งสองกลับไกลจากกันจนเหมือนกับอยู่คนละโลก แต่เหตุการณ์ต่างๆ และโชคชะตาที่กำหนดจากปลายปากกาของ อ. มาซาคาสึ คัตสึระ ดูเหมือนจะเล่นตลกกับความสัมพันธ์ของทั้งสองไปพร้อมๆ กับ ‘I’ อีกสองคนอย่าง อากิบะ อิซึกิ (Akiba Itsuki) และ อิโซซากิ อิซุมิ (Isozaki Izumi) ได้ค่อยๆ ดำเนินเนื้อเรื่องไปอย่างเรียบราบ ให้กับความพยายามในการสารภาพรัก และเข้าใจในความรู้สึกของตัวเอง ผ่านตัวอักษรบอกเล่าความคิดนับไม่ถ้วน ที่วกวนไปมาภายในจิตใจของเซโตะ แต่หากว่าเขาลองหยุดความคิดนั้นลง ลืมตามองและฟังเสียงที่อยู่รอบตัวให้ดี เด็กหนุ่มคนนั้นจะพบว่า ไม่ได้มีเพียงเขาเพียงคนเดียวที่กำลังมีความรักเอ่อล้นอยู่ในหัวใจ
แม้ว่าเนื้อเรื่องดูเหมือนจะดำเนินไปในมิติเดียวของอุปสรรคและทางแยกของความรัก แต่การเดินทางของความรักจากผู้ชายเหงาๆ ไปสู่หญิงสาวคนที่เขารัก ได้ถูกเติมเต็มด้วยกลุ่มเพื่อนร่วมห้องอย่าง เทราทานิ นามิ ยูกะ และโคชินาเอะ โดยเฉพาะเพื่อนสนิทที่สุดของเซโตะอย่าง เทราทานิ ยาสึมาสะ (Teratani Yasumasa) ผู้รับฟังและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาความรักของเขาอยู่เสมอ (แม้ว่าหลายๆ ปัญหาเกิดขึ้นมาจากตัวของเทราทานิเองก็ตามที) กลิ่นไอและความอบอุ่นของช่วงชีวิตและมิตรภาพในวัยมัธยม ช่วยทำให้เรื่องนี้ ไม่เป็นแค่มังงะที่ขอยืมโรงเรียนมัธยมปลายมาเป็นฉากหลังเท่านั้น แต่เป็นเรื่องราวของวัยรุ่นในวัยเรียนอย่างลงตัว ทั้งหมดได้สร้างให้ตัวละครมีมิติที่ลึกและเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง โดยเฉพาะตัวละครหลักอย่างเซโตะและอิโอริ
เซโตะ อิจิตากะ ไม่ใช่แค่หนึ่งในบรรดาตัวละครที่มักเป็นผู้ชายธรรมดาๆ ของมังงะที่เป็น Love และ Romantic Comedy เท่านั้น เขาเป็นไม่กี่ตัวละครที่มีเสน่ห์ตั้งแต่เริ่มต้น ความเหงา ความอ่อนโยน ใจดี จนเปลี่ยนเป็นความอบอุ่น ที่คนอ่านได้สัมผัสไปพร้อมๆ กับตัวละครอื่นๆ นั้น ชัดเจนและจับต้องได้ แม้ว่าคำพูดนับพันๆ ในหัวและอาการปากไม่ตรงกับใจของเขาจะไม่ได้ช่วยอะไรเลยก็ตาม แต่คำพูดและการกระทำที่แสดงออกมา โดยไม่ได้วนอยู่ในความคิดนั้น ช่วยทำสิ่งต่างๆ ให้ถูกต้อง และเกือบจะหักลบสิ่งต่างๆ ที่ผิดพลาดลงไปได้ จนเป็นแรงผลักดันให้คนอ่านเอาใจช่วยให้เขาได้บอกสิ่งที่อยู่ในใจของเขาให้เธอคนนั้นได้ยินเสียที หญิงสาวที่สวย มองโลกในแง่ดี ฉลาด เข้มแข็ง ที่ชื่อ โยชิสึกิ อิโอริ
จะมีคนอ่านสักกี่คนที่ไม่ตกหลุมรักเธอ กับรอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยพลังราวกับเจ้าหญิงนั้น ที่ทำให้อิโอริเป็นคนที่ทุกๆ คนหมายปอง แม้ว่าอิโอริจะมองและอ่านเซโตะออกง่ายๆ ในหลายเรื่อง แต่สิ่งที่เธอแสดงออกออกมากลับไม่สามารถอ่านออกได้ง่ายดาย ด้วยการที่เธออยู่ชมรมการแสดง ทำให้หลายๆ คนรอบข้างมักตั้งข้อสงสัยในการกระทำของเธอ ที่เลี่ยงหรือตอบรับความรู้สึกในพยายามจะเปิดใจของเซโตะ แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเธอเองก็ไม่เคยรับรู้สิ่งที่อยู่ภายในจิตใจลึกๆ ที่ล้นเอ่อของเซโตะได้เสียที
ระยะห่างของทั้งสองคนจึงหดสั้นและห่างออกไป จนบางครั้งดูเหมือนเขาจะหมดโอกาสนั้นไปแล้ว แต่เนื้อเรื่องก็ยังคงดึงทั้งสองกลับมาหากันได้อีกครั้ง ทำให้คนอ่านค่อยๆ ซึมซับถึงความสัมพันธ์ที่งดงามนี้ไปอย่างช้าๆ โดยเฉพาะฉากสารภาพรักและการจากลาทุกๆ ฉาก ล้วนทำให้หัวใจคนคนอ่านเต้นแรง (โดยเฉพาะฉากสารภาพรักในวันคริสต์มาสนั้น เป็นหนึ่งในฉากที่ Classic ที่สุดตลอดกาล) และประทับใจอย่างไม่รู้ลืม ทั้งหมดเป็นสิ่งที่รวมกันเป็นงานเขียนที่ละเมียดละไมเรื่องนี้ แม้แต่ อ.มาซาคาสึ คัตสึระ เองยังออกมาให้สัมภาษณ์ว่า I”s เป็นงานเขียนชิ้นที่ยากที่สุดของเขา แต่อย่างไรก็ตาม I”s ก็ยังคงเป็นงานเขียนที่เต็มไปกลิ่นไอของเหตุบังเอิญและการเข้าใจผิดที่ดูเหมือนจงใจของ อ.มาซาคาสึ คัตสึระ อยู่เช่นเดิม
ตัวเอกในงานเขียนของเขามักจะเป็นผู้ชายคิดมาก ที่มีเรื่องราวนับพันๆ อยู่ในจิตใจ ดำเนินเนื้อเรื่องไปจนทำให้เราเข้าใจแทบจะในทุกเรื่อง แม้ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม แต่นั่นก็ทำให้ตัวละครที่เขาไม่เคยพูดถึงถูกละเลยไป ภาพที่สวยงามนั้นถูกลดคุณค่าลงจากตัวหนังสือดูที่ไม่จำเป็น และนิยามของผู้ชายในการเป็นเครื่องจักรทางเพศ (Sex Crazed) และผู้หญิงที่มักจะตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงนี้ ทำให้เนื้อเรื่องบางส่วนของ Fan service แฝงไว้ด้วยการคุกคามทางเพศอย่างชัดเจน จนไม่สามารถจะมองข้ามไปได้ สิ่งที่หล่อหลอมขึ้นมาเป็นมังงะที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่ง ก็อาจเป็นสิ่งที่ทำให้เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ขึ้นไปถึงยังจุดสุดยอดเช่นเดียวกัน
สำหรับคนที่เรื่องนี้ยังติดในอยู่ความทรงจำ หากจะบอกว่าเนื้อเรื่องทั้งหมดเป็นการเดินทางของคนสองคนคือ เซโตะและอิโอริเท่านั้นก็คงไม่ผิดนัก แต่เรื่องนี้คงจะไม่ดำเนินมาถึงจุดๆ นี้หากไม่มีผู้ร่วมเดินทาง และคนที่มีผลกระทบต่อคนทั้งสองอย่างมากที่สุดก็คือ อิซึกิ
เธอรู้ว่าการกลับมาเพื่อพบกับ ’อิตจัง’ เป็นเพียงการหลบหนีจากสิ่งที่เธอกำลังเผชิญและอนาคตที่ยังมาไม่ถึง เพราะคนๆ เดียวที่เธออาจจะรักมากกว่าครอบครัวของตัวเองก็คืออิจิตากะ แม้ว่าเขาอาจจะลืมเธอไปแล้วก็ตาม แม้สิ่งที่อิซึกิกลัวไว้อาจจะไม่เป็นความจริง แต่กำแพงของความรักต่ออิโอริที่เซโตะก่อไว้รอบตัว ผลักให้เธอต้องปิดกั้นความรู้สึกนั้นไว้ แม้ว่าสุดท้ายแล้วความจริงที่เธอรักอิจิตากะ จะชนเข้ากับกำแพงนั้นจนพังทลายลงก็ตาม เธอเลือกที่จะหันหลังให้กับความรักและเดินไปตามความฝันของเธอในการกลับไปสู่อเมริกา
เพราะอย่างที่อิซึกิบอกไว้ว่า ความอ่อนโยน ใจดี และความอบอุ่นของ ’อิตจัง’ คนที่เธอตกหลุมรักนั้น เธอรู้จักเขาดีพอที่จะรู้ว่ามันไม่ได้มุ่งตรงมาหาเธอ แต่จุดหมายปลายทางคือ อิโอริ คนที่เธอรู้ว่าเหมาะสมกับคนที่เธอรักเช่นกัน ’อิตจัง’ คนนั้นไม่สามารถจะตัดอิโอริ ออกไปจากจิตใจได้ทั้งหมด เธอคนที่เพียงแค่หลบหนีจากอนาคตที่อยู่เบื้องหน้าจึงสมควรที่จะเป็นฝ่ายหลีกทางไป ปล่อยให้เรื่องทั้งหมดเป็นเพียงแค่ความทรงจำที่สวยงาม และบทเรียนล้ำค่าที่ทำให้เธอเติบโตขึ้น พร้อมจะเกิดหน้าต่อไป แต่สิ่งที่อิซึกิอาจไม่ตั้งใจก็คือ เธอได้ทิ้งรอยแผลและความทรงจำไว้ให้อิจิตากะเช่นกัน เงาของอิซึกิที่จะตามเขาไปเสมอ แม้ว่าเขาเองจะไม่รู้ตัวก็ตาม
หากพูดถึงอิโอริและอิซึกิ นิสัยของทั้งสองคนแตกต่าง จนเกือบจะเป็นด้านตรงข้ามของกันและกัน ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทั้งสองคนได้พบกัน เธอรู้สึกได้ถึงความรักและความผูกพันของเซโตะและอิซึกิ อย่างที่เธอไม่สามารถจะมีได้ ความเข้าใจผิดที่เธอมีเกี่ยวกับคนทั้งสองไม่ได้เป็นสิ่งที่เธอคิดไปเอง เพราะลึกๆ ภายในจิตใจของเซโตะนั้น เขารักและห่วงใยอิซึกิเสมอมา ทั้งสองคนเติมเต็มให้แก่กัน สนิทกันเหมือนกับคู่แต่งงานมานานปี (และก็เป็นความจริงที่เมื่อเซโตะรู้ว่าอิซึกิรักเขามาโดยตลอด เขาเลือกเธอแทบจะทันที) นั่นก่อกำแพงขึ้นกั้นระหว่างตัวเธอกับเซโตะ กำแพงที่เป็นแรงผลักดันให้กับพยายามหลายครั้งที่จะทำลายมันลง เพราะเธอรู้ว่าตัวเองรักเขามากแค่ไหน แต่เงาของอิซึกิก็ยังติดตามเซโตะไปจนเธอไม่กล้าที่จะเดินไปจนสุดทาง จนกระทั่งการสารภาพรักได้เกิดขึ้น กำแพงนี้จึงได้พังทลายลงในที่สุด แต่ความรักของอิโอริและเซโตะก็ไม่ได้จบลงแค่การบอกรัก แต่ต้องเผชิญกับบททดสอบที่หลายๆ คู่รักไม่สามารถผ่านมันไปได้นั่นคือ ‘ความแตกต่าง’ และ ‘ระยะทาง’ แต่อิซึกิก็มองเห็นอย่างแท้จริง เพราะอิโอริคือคนที่ยอมละทิ้งความฝันของตัวเอง เพื่อมาอยู่ข้างกายกับคนที่เธอรักตลอดไป
เมื่อเนื้อเรื่องทั้งหมดได้ปิดฉากลงพร้อมกับแสงสว่างที่รอคอยอยู่เบื้องหน้า หวังว่าช่วยทำให้คุณมีความหวังในความรักขึ้น เพราะความรักอาจไม่ใช่ทุกสิ่งในชีวิต แต่ชีวิตก็ไม่สามารถอยู่ได้หากปราศจากความรัก แค่รวบรวมความกล้าเพื่อที่จะก้าวออกไป รวบรวมกำลังเพื่อที่จะลุกขึ้น เพราะไม่ว่าหนทางจะแสนไกล อุปสรรคจะขวางกั้นเพียงใด แต่มันก็คุ้มเสมอที่จะเสี่ยงไปเพื่อสิ่งๆ นั้น
ไม่ใช่หรอกหรือ?